ทริปสิงคโปร์ ฉบับ ครอบครัว ณภู

by - ธันวาคม 27, 2562




เที่ยวสิงคโปร กับ ครอบครัว ณภู.













ปิดเทอมพาลูกเที่ยวที่ไหนดี  ..... สิงคโปรกันเถอะ ! 

เปิดประสบการณ์เที่ยวต่างประเทศ ครั้งแรก ของเด็กชาย ณภู #เที่ยวปิดเทอม #ทริปครอบครัว #ท่องไปในโลกกว้าง 
เหตุผลของการเลือกไปสิงคโปร์ครั้งนี้เพราะเป็นประเทศที่ไปง่าย ปลอดภัย ไม่ต้องทำวีซ่า เดินทางสะดวก นั่งเครื่องไป 2 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว ทริปนี้คุณแม่ขอเก็บความทรงจำ ลงใน Blog เพื่อจะเก็บบันทึกไว้ให้ ณภู ได้ดูตอนลูกโตเป็นหนุ่ม  


ทริปเที่ยวสิงคโปร์ 6 วัน 5 คืน  
วันพุธ ที่ 21 มี.ค 61 ออกเดินทาง ภูเก็ต – สิงคโปร์

Phuket Flight 3K534 at 10.00 am - Singapore at 12.55 

ออกจากบ้านแต่เช้า ถึงสนามบินภูเก็ตตั้งแต่ 7.30 น. เวลาเหลือ ทำไรหละคะ Shopping ซิคะ รออะไรด้วยความอยากเก็บภาพเยอะ กลัวกล้องที่มีไม่พอ เลยสอย กล้อง Go Pro 5 ไป 1 ตัว (ลงทุนมาก งานนี้ ) แต่ไม่รู้จะได้ใช้คุ้มค่าหรือเปล่า

ลองกล้องกันหน่อย

ระหว่างรอ Check In 
ใครหล่อกว่าคับ งานนี้ คุณพ่อ หรือ คุณลูก




พร้อมเดินทางกันแล้วนะครับ 
     ไม่นานเราก็ถึงท่าอากาศยานสิงคโปร์ ชางงี ( Changi Airport Singapore ) Time Arrived 12.55 Hrs.       หลังจากรับประเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้ว เราก็นั่ง Sky Train ไปยัง Terminal 2 เพื่อต่อรถไฟฟ้าเข้า
     
เมืองกัน ( JetStar ลง Terminal 1 ) แต่ก่อนออกจากสนามบิน เราต้องไปแวะซื้อ EasyLink 2 ใบ         
     ใบละ 12 เหรียญ สำหรับผู้ใหญ่ ส่วน ณภู ฟรีค่ะ ซึ่งบัตร นี้ สามารถนำไปซื้อของใน ร้านสะดวกซ์้อ จ่ายค่า  
      แท็กซี่ได้สะดวกดี

3 คืนแรก เราพักกันที่ โรงแรมแชมเปี้ยน ที่อยู่ 60 Joo Chiat Rd, #01-06, Joo Chiat , East Coast

วันที่ 21 - 24 มีนาคม 2559

วิธีการเดินทาง :

1. นั่งรถไฟฟ้า จากสนามบิน ไปลง สถานที่ Tanah Merah

2. เปลี่ยนรถไฟฟ้า เป็นสายสีเขียว เพื่อไปลงที่ Bedok เพื่อเปลี่ยนไปนั่งรถเมย์ต่อไปโรงแรม

3. นั่งรถเมย์ ไปประมาณ 9 ป้าย ลงที่ Joo Chiat Complex  สถานนี้ใกล้โรงแรมมากเดินนิดเดียวก็ถึงโรงแรม

การเดินทางดูเหมือนยุ่งยากต้องต่อหลายครั้งแต่จริงๆไม่ยากเลย โรงแรมดี สะอาด แต่อยู่ห่างจากตัวเมือง

และห้าง หากไม่ไรมากโรงแรมนี้ก็ถือว่าใช้ได้เลย








หลังจากได้ห้องและเก็บของเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่ม ออกสำรวจ สถานที่ท่องเที่ยวกันเลยนะจ๊ะ ไม่รอช้า
#ประหยัดงบครบทุกที่

Day 1. Merlion Park
21 มีนาคม 2019
เริ่มกันด้วยสัญลักษณ์ของเมืองสิงคโปร์   Merlion ที่ Merlion Park พร้อมชมบรรยากาศอ่าว Marina ไปพร้อม ๆ กับชมสถาปัตยกรรมระดับโลกสุดอลังการของโรงละคร Esplanade และ Marin Bay Sands 



การเดินทาง:
รถไฟ MRT - ลงสถานี Raffles Place เดินไปทางโรงแรม Fullerton แล้วลงมาที่ทางเชื่อมใต้ดินเพื่อข้ามมายังฝั่ง One Fullerton จะเจอโซนร้านอาหาร ร้านกาแฟ เดินเลยไปอีกไม่ไกลจะเห็นเมอร์ไลออน









Day 2. China Town

22 มีนาคม 2019


อีกหนึ่งย่านมีมีสีสันของสิงคโปร์ ที่นี่รวมวัฒนธรรมทั้งเก่าและใหม่ไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ใครอยากชิมอาหารอร่อยๆ หรืออาหารขึ้นชื่อต้องไม่พลาดมาเที่ยวที่ย่านนี้ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของย่าน China town ก็คือวัดพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งที่ชั้นบนสุดของวัดเป็นที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุพระเขี้ยวแก้วของพระพุทธเจ้าไว้ เดินเลยจากวัดพระเขี้ยวแก้วไปไม่ไกลจะพบศูนย์อาหาร Maxwell ซึ่งมีร้านข้าวมันไก่ขึ้นชื่ออย่างร้าน Tian Tian ที่หลายๆ คนบอกว่าอร่อยเด็ด

การเดินทาง
รถไฟ MRT - ลงที่สถานี  Chinatown Station
รถโดยสารประจำทาง
สาย C2, 166, 197, NR5 ลงที่ป้าย South Bridge Road
สาย 80, 145 ลงที่ป้าย Maxwell Road
สาย 2, 12, 33, 54, 143, 147, 190, 520 ลงที่ป้าย Eu Tong Sen Street (People's Park Centre)

สาย 63, 124, 143, 147, 190, 520, 851, 961, 961C ลงที่ป้าย New Bridge Road (Chinatown Complex)

วัดพระเขี้ยวแก้ว
นี้เป็นสถานที่ประดิษฐานของพระทันตธาตุ หรือ ฟัน ของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัด เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปี 2007 ด้วยงบประมาณการสร้างถึง 62 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือ 2,000 กว่าล้านบาท! โดยมีรูปแบบทางด้านสถาปัตยกรรมแบบวัดพุทธของจีนในสมัยราชวงศ์ถัง โดยวัดนี้จะมีอาคารหลักขนาดใหญ่อยู่อาคารเดียว โดยตัวอาคารจะแบ่งออกได้เป็นชั้นใต้ดิน 3 ชั้น บนดินอีก 4 ชั้น ไม่รวมชั้นลอยและดาดฟ้า ถ้านับจริงๆก็จะมีทั้งหมด 9 ชั้นเลยทีเดียว แต่ส่วนที่เปิดให้เข้าชมได้จะอยู่บนดินเท่านั้น ตัวอาคารได้รับการตกแต่งทั้งภายในและภายนอกอย่างงดงาม ตระการตา โดยแต่ละชั้นจะมีสิ่งที่น่าสนใจแตกต่างกันดังนี้
ชั้นที่ 1 จะถูกแบ่งออกเป็น 2 โซน คือด้านหน้าและด้านหลัง โดยโซนด้านหน้าจะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ สำหรับสวนมนต์ และเป็นที่ประดิษฐานของพระประธาน ส่วนอีกโซนที่อยู่ด้านหลังจะมีพระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่ ผนังด้านข้างที่ชั้น 1 ของวัดพระเขี้ยวแก้วทั้ง 2 ด้านจะมีพระพุทธรูปขนาดเล็กนับร้อนวาโดยหลักๆแล้วชั้นที่ 1 จะเอาไว้สักการะบูชา พระพุทธรูป

ชั้นลอย เป็นส่วนเดียวกับโถงด้านหน้าที่เป็นพิพิธภัณท์ด้วย

ชั้นที่ 2 เป็นส่วนของพิพิธภัณท์ ห้องสมุด และร้านขายของฝากและของที่ระลึก

ชั้นที่ เป็นส่วนของพิพิธภัณท์ จะมีวัตถุโบราณทางด้านศาสนาต่างๆจัดแสดงอยู่

ชั้นที่ 4 เป็นไฮไลท์ของวัดพระเขี้ยวแก้วเพราะเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระทันตธาตุ หรือ ฟัน ของพระพุทธเจ้าอยู่นั่นเอง ชั้นนี้จะห้ามถ่ายรูป
ชั้นดาดฟ้า เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของวัดพระเขี้ยวแก้ว โดยด้านบนจะมีเจดีย์อยู่(แต่ดูลักษณะแล้วเหมือนกับศาลามากกว่า)ภายในจะมีระฆังสำหรับหมุนขนาดยักษ์ตั้งอยู่ โดยมาจากวัดพุทธธิเบตที่เชื่อกันว่าถ้าอธิบายแล้วเดินหมุนรอบระฆังครบ 3 รอบจะช่วยให้เป็นจริง รวมทั้งผนังรอบๆเจดีย์นี้จะมีพระพุทธรูปเรียงรายกันอยู่เยอะมากจนเรียก เจดีย์นี้กันว่า เจดีย์หมื่นองค์(Ten Thousand Buddhas Pagoda) แล้วก็จะมีสวนกล้วยไม้เล็กๆให้ชมกันด้วย
โดนรวมแล้วการมาเที่ยววัดพระเขี้ยวแก้วอาจจะต้องใช้เวลามากกว่าชั่วโมงทีเดียว ที่ชั้น 2, 3 และ 4 จะเป็นห้องแอร์ อาจจะเอาไว้หลบร้อนหลังจากเดินเล่นย่านไชน่าทาวน์มาแล้วก็ได้
* การเข้าชมวัดพระเขี้ยวแก้วจะต้องแต่งการให้เรียบร้อยห้ามใส่กางเกงขาสั้นรวมทั้ง เสื้อกล้ามหรือเสื้อแขนกุด แต่ที่วัดนี้จะมีบริการให้ยืมผ้าถุงด้วย ไม่เสียค่าใช้จ่าย

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 7:00-19:00
การเดินทางมาที่วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว(Buddha Tooth Relic Temple)นั้นง่ายมากๆ เพราะอยู่ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน Chinatown Station ประมาณ 500 เมตร ซึ่งจะมีอยู่ 2 สายที่ผ่านคือ Downtown Line สีน้ำเงิน และ North East Line สีม่วง ให้ออกที่ทางออก A จะโผล่ออกมาที่ใจกลางของย่านตลาดคนเดิน ถนน Pagoda Street ก็ให้เดินตรงยาวออกไปประมาณ 250 เมตรจะไปชนกับถนน South Bridge Road ซึ่งจะเห็นวัดแขกที่ชื่อว่า ศรีมาริอัมมันต์(Sri Mariamman Temple) ทางขวามือ ก็ให้เลี้ยวขวา แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆอีประมาณ 250 เมตร ก็จะเห็นวัดเขี้ยวแก้วนี้ตั้งสง่าอยู่ทางขวามือเลย

 



Sri Mariamman Temple วัดศรีมาริอัมมัน

เป็นวัดฮินดูที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์ ตั้งอยู่บนถนน South Bridge Rd ตัดกับ Pagoda Street จากในย่าน Chinatown สร้างในปี 1827 โดยชาวอินเดียเพื่อถวายแด่เจ้าแม่มาริอัมมันต์ ซึ่งเป็นที่เลื่องลือว่า มีความศักดิ์สิทธิ์ในการรักษาโรคและการเจ็บป่วย ในสม้ยก่อสร้างวัดใหม่ๆ วัดนี้เป็นวัดเพียงแห่งเดียวในสิงคโปร์ที่สามารถทำพิธีแต่งงานให้กับชาวฮินดูได้
สำหรับความสวยงามโดดเด่นของท่ี่นี่คือประตูทางเข้า ที่เรียกว่า "โกปุรัม" (Gopurum) ซึ่งเป็นประตูทางเข้าที่มีเจดีย์ 6 ชั้นอยู่ด้านบน ประดับประดาด้วยรูปปั้นของเหล่าทวยเทพ และสัตว์ในตำนาน เป็นหนึ่งจุดแวะชม ถ่ายรูปที่มีชื่อเสียงของวัดนี้

เวลาเปิดปิด : ทุกวัน 7.00 - 12.00 น. และ 18.00 - 21.00 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี





ร้านข้าวมันไก่เทียนเทียน(Tian Tian Hainanese Chicken Rice)
 สาขาศูนย์อาหาร แม็กซ์เวล(Maxwell Food Centre) ไชน่าทาวน์(Chinatown) เป็นร้านข้าวมันไก่ชื่อดังอันดับต้นๆของประเทศสิงคโปร์และยังเป็นร้านข้าวมันไก่ที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดีด้วย เพราะอยู่ใกล้กับย่านท่องเที่ยวสุดฮิตของคนไทยในก็คือวัดพระเขี้ยวแก้วย่านไชน่าทาว์ โดยจะมีลักษณะเหมือนกับร้านทั่วๆไปตามศูนย์อาหารที่เรียกว่าสไตล์ Hawker ของประเทศสิงคโปร์ มีเมนูหลักเป็นข้าวมันไก่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น และราคาก็ถือว่าค่อนข้างจะถูกเมื่อเทียบกับราคาอาหารของประเทศสิงคโปร์ คือข้าวมันไก่จานเล็กราคาประมาณ 3.5 เหรียญสิงคโปร์เท่านั้น
ข้าวมันไก่ของร้านเทียนเทียน จะมีความมัน เนื้อไก่จะนุ่มมาก ข้าวหอมกำลังดี แต่น้ำจิ้มรสชาติจะไม่เข้มข้นเหมือนบ้านเรา คือเค้าจะเน้นไปที่ความนุ่มแน่น หอมมัน ของเนื้อไก่เป็นหลัก การสั่งก็ไม่มีอะไร ยุ่งยาก เป็นสไตล์ self-service เหมือนกับร้านอาหารตาม food court บ้านเรา ก็เริ่มจากไปต่อคิวแล้วก็สั่งได้เลย เพราะเมนูหลักมีเพียงอย่างเดียว คือข้าวมันไก่ มีทั้งแบบราดข้าว 3 ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ และสั่งแบบไก่สับใส่จาน 1 ตัว หรือ ครึ่งตัว สั่งเสร็จ จ่ายตัง แล้วไปรอรับที่ช่องถัดไป
เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 11:00-20:00
วิธีการเดินทางมาที่ก็ไม่ยาก เพราะอยู่ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน Chinatown Station ประมาณ 600 เมตร ซึ่งจะมีอยู่ 2 สายที่ผ่านคือ Downtown Line สีน้ำเงิน และ North East Line สีม่วง ให้ออกที่ทางออก A จะโผล่ออกมาที่ใจกลางของย่านตลาดคนเดิน ถนน Pagoda Street ก็ให้เดินตรงยาวออกไปประมาณ 250 เมตรจะไปชนกับถนน South Bridge Road ซึ่งจะเห็นวัดแขกที่ชื่อว่า ศรีมาริอัมมันต์(Sri Mariamman Temple) ทางขวามือ ก็ให้เลี้ยวขวา แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆอีกประมาณ 250 เมตร ก็จะเห็นวัดเขี้ยวแก้วอยู่ทางขวามือ เดินเลยไปหน่อยก็จะมองเห็นศูนย์อาหาร Maxwell นี้อยู่ฝั่งตรงข้าม โดยร้านจะอยู่ที่ห้องเลขที่ 01-10/11





Clarke Quay
ย่าน Night Light กินดื่มริมน้ำอันมีชื่อเสียงของสิงคโปร์ พื้นที่อันเป็นสีสันทั้งในช่วงเวลากลางวัน และในยามราตรี กับอาคารหลากหลายสีสันสดใสติดริมฝั่งแม่น้ำสิงคโปร์พร้อมด้วยร้านอาหาร ผับ บาร์ที่ได้รวบรวมไว้ที่ย่าน Clarke Quay สุดฮอตแห่งนี้ ที่ทำให้กลายเป็นสถานที่ Hang out หลังเลิกงานของทั้งชาวสิงคโปร์และนักท่องเที่ยว
เวลาเปิด-ปิด: ร้านอาหารส่วนใหญ่จะเปิดกัน 2 ช่วงเวลาคือ ช่วงเที่ยง และช่วงเย็นยาวไปจนดึก
การเดินทาง :  จะอยู่ตรงกลางระหว่างสถานีรถไฟใต้ดิน Clark Quay สายสีม่วง North East Line และ สถานี Rafflesplace สายสีเขียว East West Line และสีแดง North South Line

 




Fountain of Wealth 
หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อน้ำพุแห่งโชคลาภ, น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง หรือน้ำพุแห่งความโชคดี ตั้งอยู่ใจกลางกลุ่มอาคาร Suntec City ว่ากันว่าถ้าเดินรอบน้ำพุพร้อมเอามือแตะน้ำไว้ตลอดเวลาเดินวนจนครบสามรอบ จะได้รับความโชคดีและโชคลาภติดตัวกลับบ้านไปด้วย
สำหรับเวลาที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสัมผัสน้ำพุ คือ 10.00 - 12.00 น. / 14.00 - 16.00 น. / 18.00 - 19.30 น.
การเดินทาง  รถไฟ MRT - ลงที่สถานี Esplanade เดินไปที่ Suntec City




Day 3. เกาะเซ็นโตซ่า - Merlion Sentosa


    23 มีนาคม 2019



    Merlion ที่เซ็นโตซ่า มีความสูงประมาณ 37 เมตร เป็นเมอร์ไลออนขนาดใหญ่และสูงที่สุดของสิงคโปร์


    ทำให้เป็นจุดหนึ่งในจุดถ่ายรูปที่ต้องไปเมื่อมาเที่ยวเกาะเซ็นโตซ่า 



    เวลาเปิด - ปิด : 10.00 - 20.00 ทุกวัน



    การเดินทาง : 

    

    ขึ้นรถไฟ Sentosa Express มาลงที่สถานี Imbiah Station 


    ขึ้นรถบัส Sentosa Bus 1 มาลงที่ป้าย Imbiah Lookout Bus Stop 

    ขึ้นรถบัส Sentosa Bus 2 หรือ 3 ลงที่ป้าย Artillery Avenue หรือ Merlion Bus Stop

    ขึ้นเคเบิ้ลคาร์ จากสถานี Mount Faber Station ที่ Harbour Front Tower มาลงที่สถานี Imbiah    
    Sentosa  Cable Car Station



























Sky Luge


สกายไลน์ ลูจ เครื่องเล่นลูกผสมระหว่างโกคาร์ทและโทบกแกน ( กระดานชนิดหนึ่งของนิวซีแลนด์ ) วิธีบังคับไม่ยาก เพียงแค่ผลักหรือดึงแฮนด์เพื่อหยุด หรือปล่อยให้รถลูจเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเท่านั้นเอง ส่วนการเลี้ยวซ้าย ขวา ก็แค่ขยับแฮนด์เหมือนกับการบังคับจักยาน และ สามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัยค่ะ

เป็นเครื่องเล่นที่สนุกมาก น้องณภูชอบมาก มีดุแม่ด้วยนะทำไมคุณแม่ขับช้ามากที่สุดในโลกเลย 555 ก็แม่กลัวนี่คับ

เวลาทำการ : 10.00 - 21.30 น. ทุกวัน


การเดินทาง : 45 Siloso Beach Walk, Sentosa, Singapore

ประตูทางเข้าฝั่ง Imbiah Lookout:

นั่งรถบัสหมายเลข 1 หรือ 2 ของเซ็นโทซ่ามาลงที่ป้าย Imbiah Lookout หรือ

นั่ง Sentosa Express มาลงที่สถานี Imbiah หรือ

นั่งรถเคเบิลสิงคโปร์มาลงที่สถานี Sentosa Island แล้วเดินต่ออีกสองนาที หรือ

ผู้โดยสารทางรถยนต์ เรามีที่จอดรถไว้บริการ

ประตูทางเข้าฝั่ง หาด Siloso:

นั่งรถบัสหมายเลข 1 หรือ 3 ของเซ็นโทซ่ามาลงที่ป้าย หาด Siloso หรือ

นั่ง Sentosa Express มาลงที่สถานี Beach หรือ

นั่งรถราง Beach Siloso มาลงที่ป้าย 1A



 



Aquarium


       Aquarium ที่ใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ ซึ่งรวบรวมสัตว์ทะเลมากกว่า 100,000 ชนิด เกือบ 800 สวยพันธุ์ไว้ภายใน Tank น้ำกระจกขนาดใหญ่แบบ Super Big Size และอุโมงค์ทางเดินกระจกใต้น้ำ ที่จะพาไปสัมผัสเหล่าสัตว์ น้ำน้อยใหญ่อย่างใกล้ชิดและเป็นธรรมชาติ เหมือนดำลงไปอยู่ใต้ท้องมหาสมุทรอันเป็นบ้านของสัตว์น้ำทั้งหลาย  ที่แหวกว่ายอย่างอิสระ โดยพระเอกอันเป็นไฮไลท์ของ S.E.A.Aquarium แห่งนี้ ได้แก่ ลามเสือดาว


 ปลากระเบนแมนตา และ Goliath Grouper


 เวลาเปิด-ปิด: 10.00 - 19.00 น.

 วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน


  การเดินทาง 

      นั่งรถ MRT ไปลงที่สถานี HarbourFront (CC29,NE1) >> จากนั้นต่อรถ Sentosa Express   monorail  นั่งข้ามเกาะไปลงที่สถานี Waterfront >> S.E.A. Aquarium จะอยู่ตรงข้ามกับทางเข้ายูนิเวอร์

แซล สตูดิโอ


Garden by the bay

สวนพฤกษศาสตร์แห่งโลกอนาคตขนาดใหญ่ยักษ์ริมอ่าว Marina บนเนื้อที่กว่า 250 เอเคอร์ ซึ่งถูกสร้างขึ้นจากน้ำมือ มนุษย์ เริ่มตั้งแต่การถมทะเล ไปจนถึงการออกแบบโครงสร้างสุดอลังการ นอกจากภาพลักษณ์ของสถาปัตยกรรมด้านนอกอันโดนเด่นแล้ว พื้นที่ด้านในเองก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วยไฮไลท์ถึง 3 อย่างของที่นี่อันได้แก่ เรือนกระจกปรับอากาศติดแอร์ทรงโดมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีเนื้อที่ใหญ่กว่าสนามฟุตบอลถึง 2 เท่า ภายในประกอบไปด้วย 2 ไฮไลท์เด็ดอย่าง Flower Dome โดมความสูง 38 เมตรที่รวบรวมดอกไม้เมืองหนาว และพรรณไม้เขตร้อนชื้นแถบเมดิเตอร์เรเนียน และ Cloud Forest โดมที่รวมพันธุ์พืชในเขตป่าดิบชื้น ซึ่งบรรจุน้ำตกในร่มที่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีความสูงถึง 35 เมตรไว้ภายในตัวโดม โดยใน Cloud Forest ยังมีทางเดินลอยฟ้า Cloud Walk สุดแนวสำหรับชมพรรณพืชรอบบริเวณน้ำตกอย่างใกล้ชิดอีกด้วย และไฮไลท์สุดท้ายสุดตระการตายามค่ำคืน กับ Supretree Grove ต้นไม้จำลองขนาดยักษ์รูปทรงแปลกตาจำนวน 18 ต้น ความสูง 25 – 50 เมตร ซึ่งถูกประดับด้วยแสงสีสุดตระการตาที่เชื่อมต่อกันด้วยทางเชื่อม OBDC Skywalk ให้บรรยากาศโรแมนติก และสวยงามเหนือจินตนาการไม่เหมือนใคร คล้ายคลึงกับป่าในหนังดังเรื่อง Avartar เลยทีเดียว


การเดินทาง


รถไฟ MRT - ลงที่สถานี Bayfront Station ทางออก B


รถโดยสารประจำทาง - สาย 400 ลงที่ป้าย No. 03371
  

  Jubilee Bride


      สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมต่อระหว่าง Merlion Park และโรงละคร ข้ามแม่น้ำสิงคโปร์





Day 4 : Shangri La’s Rasa Sentosa Resort and Spa




วันเสาร์ ที่ 24 มี.ค 61


วันนี้ต้องย้ายที่พักมา ที่ Sentosa ( คุณแม่ได้ Vocher ฟรี 2 คืน ) และน้องณภูดูจะ ชอบมากเพราะ มีเครื่องเล่น สไลเดอร์ ด้วยมีสระน้ำ เด็กและเหมาะสำหรับครอบครัว ตกเย็นนั่งรถชมเกาะ และแวะไปเจอพี่แทนซี่ ที่ Sentosa Cove เป็นที่ท่าเรือ มีเรือสำราญจอดเยอะมาก วิวสวย เหมาะสำหรับเดินชิวๆ เกาะเซนโตซ่าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง เพราะเป็นศูนย์รวมความบันเทิงขนาดใหญ่ของสิงคโปร์ มีทั้งสวนสนุก สวนน้ำ ชายหาด โรงแรม สนามกอล์ฟ และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้บนเกาะเซนโตซ่ายังมีเมอร์ไลออนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้วยเช่นกัน
การเดินทาง
รถไฟ MRT - ลงที่สถานี HarbourFront station ทางออก E ไปทาง Vivocity จากนั้นเดินขึ้นไปที่ชั้น 3 ขึ้นรถไฟ Sentosa Express ซึ่งจะจอด 3 สถานีด้วยกันคือ 
-    Waterfront Station - ลงที่สถานีนี่ถ้าต้องการไป Resorts World Sentosa, Universal Studios


- Imbiah Station - ลงที่สถานีนี้ถ้าต้องการไป Skyline Luge Sentosa และอื่นๆ


- Beach Station - ลงที่สถานีนี้ถ้าต้องการไป PalawanBeach, Siloso Beach, ร้านอาหาร, ร้านค้า และอื่นๆ









Day 5 : Universal

วันอาทิตย์ ที่ 25 มี.ค 61


ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์  Universal Studio Singapore สวนสนุกที่เปิดสาขาไปทั่วโลก โดยเปิดแห่งแรกที่สหรัฐอเมริกา และได้ทยอยเปิดตามประเทศต่างๆ รวมถึงที่สิงคโปร์ด้วย ภายในสวนสนุกจะมีเครื่องเล่นและโชว์ต่างๆที่มาในธีมของภาพยนตร์แอนิเมชั่นชื่อดังหลายเรื่อง เช่น ทรานสฟอร์มเมอร์ TRANSFORMERS, จูลาสสิคปาร์ค Jurassic Park, มาดากัสก้า Madagascar, เซซามี่ สตรีท Sesame Street และเรื่องอื่นๆ ซึ่งทำให้เราได้ผจญภัยบนเครื่องเล่นต่างๆที่มีธีมของหนังแอนิเมชั่นจนรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในฉากของหนังจริงๆ

สวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์ แบ่งออกเป็น 7 โซน ประกอบด้วย Hollywood, New York, Sci-Fi City, Ancient Egypt, Lost World, Far Far Away และ Madagascar แต่ละโซนก็จะมีเครื่องเล่นที่ธีมที่แตกต่างกันไป


โซนที่ 1: ฮอลลีวู๊ด Hollywood

เป็นโซนแรกที่ต้องเดินผ่านที่เมื่อเข้าไปใน ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สองข้างทางนั้นจะมีทั้งร้านขายของที่ระลึก, ของฝากและสินค้าต่างๆของยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ, ร้านกาแฟ ทุกร้านจะตกแต่งอย่างสวยงาม



โซนที่ 2: นิวยอร์ค New York
เมื่อเดินเข้ามาที่โซนนี้จะรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังเดินอยู่ที่นิวยอร์ค ให้อารมณ์ของความเป็นเมืองใหญ่ร้านค้าต่างๆประดับด้วยป้ายไฟนีออน ดูครึกครื้นเหมือนเดินบนถนนในเมืองพร้อมกับชมแสงไฟยามค่ำคืนที่ไม่เคยเงียบเหงา



โซนที่ 3: เมืองแห่งอนาคต Sci-Fi City™
ธีมในโซนนี้จะดูล้ำสมัย เป็นเมืองแห่งอนาคต รวมถึงเครื่องเล่นต่างๆก็จะเป็นแบบผจญภัยหรือเป็นเครื่องเล่นหวาดเสียว เครื่องเล่นยอดฮิตของโซนนี้ก็คือ TRANSFORMERS The Ride เป็นเครื่องเล่น 3D โดยจะมีแว่นให้ใส่ก่อนเริ่มเล่น โดยตัวเราจะสวมบทบาทเป็นออฟติมัส ทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังต่อสู้กับหุ่นยนต์ในหนัง นอกจากนี้ก็ยังมี Accelerator ยานหมุนอวกาศที่จะหมุนด้วยความเร็วสูงทั้งหมุนรอบตัวและหมุนไปในวงกว้าง และ รถไฟเหาะสุดหวาดเสียว Battlestar Galactica ซึ่งมีขนาดความสูงเท่าตึก 14 ชั้น

โซนที่ 4: เมืองอียิปต์โบราณ Ancient Egypt
เหมือนได้ร่วมผจญภัยค้นหาสมบัติในดินแดนอียิปต์โบราณ ซึ่งจะได้พบกับสุสานฟาโรห์ต้องคำสาป เครื่องเล่นที่ต้องลองก็คือ Revenge of the Mummy รถไฟเหาะที่จะพาเราท่องเข้าไปในดินแดนนักรบมัมมี่, ต้องหลบหลีกลูกบอลไฟที่จะลอยเข้ามา และยังมีฝูงแมลงปีกแข็งที่ตามไล่ล่าเราเหมือนในเรื่องมัมมี่อีกด้วย อีกเครื่องเล่นนึงที่น่าเล่นก็คือ ตามล่าหาสมบัตร Treasure Hunters เป็นการขับรถจี๊บเข้าไปในเมืองโบราณเพื่อค้นสมบัตรที่ซ่อนอยู่

โซนที่ 5: โลกที่หายสาบสูญ The Lost World
เป็นโซนแห่งการผจัญภัยไปในยุคไดโนเสาร์ จูลาสสิคปาร์ค Jurassic Park และวอเตอร์เวิลด์ WaterWorld โดยมีเครื่องเล่นทั้งหมด 4 อันก็คือ ปีนหน้าผาหิน Amber Rock Climb ซึ่งที่หน้าผานั้นจะเป็นโครงกระดูกไดโนเสาร์ให้เราเกาะและไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ, Canopy Flyer เครื่องล่อนไดโนเสาร์นกยักษ์ เมื่อมองลงมาจากด้านบนก็จะรู้สึกเหมือนกำลังบินอยู่, Dino-Soarin เครื่องเล่นสำหรับเด็กที่จะได้ขึ้นไปขี่นกยักษ์และบินไปรอบๆ, Jurassic Park Rapids Adventure ล่องแก่งไปในพื้นที่เพาะพันธุ์ไดโนเสาร์ อันนี้มีสิทธิ์เปียกน้ำสูง ถ้าใครเอาเสื้อกันฝนมาก็ใส่คลุมก่อนเล่นได้ และอย่างสุดท้ายก็คือ WaterWorld เป็นการแสดงโชว์ของสตั๊นแมน มีทั้งกระโดนหลบระเบิด ขี่เจ็ทสกีในน้ำ หรือฉากต่างๆที่จะมีสเปเชี่ยลเอฟเฟ็คเหมือนในหนัง

โซนที่ 6: ดินแดนแห่งเชร็ค Far Far Away
ดินแดนที่จะได้พบกับเหล่าตัวการ์ตูนในภาพยนต์แอนนิเมชั่นเรื่องเชร็ค โดยมีเจ้ายักษ์เขียวเชร็ค, เจ้าหญิงฟิโอน่า และเจ้าลาดองกี้เพื่อนซี้ ซึ่งมีทั้งการ์ตูน 4 มิติ Shrek 4-D Adventure, Donkey Live คอนเสิร์ตเล็กเจ้าลาดองกี้, Magic Potion Spin ชิงช้าสวรรค์ เด็กเล็กๆก็เล่นได้ และไฮไลท์ของโซนนี้ก็คือ Puss In Boots’ Giant Journey เครื่องเล่นใหม่ล่าสุด ที่จะพาไปผจญภัยต้านแรงโน้มถ่วงกลางอากาศบนยอดต้นถั่วยักษ์เพื่อตามหาห่านที่ออกไข่เป็นทองคำอันล้ำค่า กับเจ้าแมวเหมียว Puss และ Kitty







โซนที่ 7: มาดากัสการ์ Madagascar

จะได้พบกับเหล่าตัวการ์ตูนสัตว์ป่าน้อยใหญ่แห่งมาดากัสการ์ การ์ตูนยอดฮิตที่ของใครหลายๆคน โดยมีตัวการ์ตูนหลักทั้ง 4 มาค่อยต้อนรับ Join Alex, Marty, Melman และ Gloria เครื่องเล่นที่พลาดไม่ได้ของโซนนี้ก็คือ Madagascar: A Crate Adventure ล่องเรือเดินไปในเกาะมาดากัสการ์ ซึ่งจะได้พบกับสัตว์ต่างๆที่จะมาสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับเด็กๆ

















Day 6 : เดินทางกลับภูเก็
วันจันทร์ ที่ 26 มี.ค 61



Flight 3K535 at 5.15 pm - Arrived to Phuket 06.00 pm
วันนี้เป็นวันเดินทางกลับภูเก็ต เต็มอิ่มมาก สำหรับทริปครั้งนี้ 

ได้ไปทุกที่ที่ตั้งใจไว้ อากาศเป็นใจ ฝนไม่ตก

น้องณภู แข็งแรงมาก เดิน วิ่ง เล่น อย่างเต็มที่

แล้ว ปิดเทอมหน้ามาดูกันนะคะว่าเราจะไปไหน

 






กลับถึงภูเก็ตโดยสวัสดิภาพ
#Singaporetrip #Familytrip #Jetstarairline #เปิดโลกกว้างไปกับครอบณภู










You May Also Like

0 ความคิดเห็น